สนใจเทรดออนไลน์
สมัครเทรดออนไลน์
ทองคำยังไม่สามารถดีดตัวขึ้นได้มากนัก แรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ ดอลลาร์ที่แข็งค่าจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น การดีดตัวอาจทำได้จำกัดหลังจากดีดตัวไม่ผ่านแนวต้าน นักลงทุนสามารถเปิดเก็งกำไรทิศทางขาลงได้
Date | 22 Sep 2020 |
Commodity | Gold |
Buy/Sell | รอขาย |
Entry | จุดขาย 1,926 |
Target | 1,926 |
Stoploss | 1,940 |
Level | แนวรับ (Support) |
แนวต้าน (Resistance) |
L1 | 1,893 | 1,926 |
L2 | 1,888 | 1,931 |
L3 | 1,883 | 1,936 |
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ได้รับแรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในหลายประเทศของยุโรป ตั้งแต่เดนมาร์กไปจนถึงกรีซ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ อาจประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นครั้งที่ 2 หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในอังกฤษเพิ่มขึ้น 2 เท่าในทุก 7 วัน นอกจากนี้ความขัดแย้งระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจครั้งใหม่ยังไม่มีความคืบหน้า
มุมมองทองคำภาคบ่าย ราคาทองคำอ่อนตัวลงโดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ นอกจากนี้ ราคาทองยังดิ่งลงจากการที่นักลงทุนขายทำกำไร หลังจากราคาพุ่งขึ้นเกือบ 30% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ระบุว่า หากสหรัฐชะลอการประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย. ก็จะส่งผลให้นักลงทุนพากันเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และหนุนให้ราคาทองพุ่งทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่
นักลงทุนยังต้องติดตามตัวเลขที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ดัชนีภาคการผลิต สาขาริชมอนด์ ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ยอดขายบ้านใหม่ ดัชนีภาคการผลิตสาขาแคนซัส คำสั่งซื้อสินค้าคงทน เป็นต้น
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (18 ก.ย.) โดยดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันแล้ว และเยนแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อเยนในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในยุโรป และสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจามาตรการกระตุ้นด้านการคลังเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคระบาดดังกล่าว
สำนักงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐ (CBO) ออกรายงานคาดการณ์ว่า หนี้สินของรัฐบาลกลางสหรัฐจะพุ่งขึ้นเกือบสองเท่าของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2593 เนื่องจากรัฐบาลได้ใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 "แม้ว่าหลังจากที่ผลกระทบของโรคโควิด-19 ใน 2563 ผ่อนคลายลงแล้ว แต่ยอดขาดดุลงบประมาณในช่วงหลายปีข้างหน้ามีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้น เมื่อพิจารณาจากสถิติในประวัติศาสตร์ โดยคาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 13% ของ GDP ในปี 2593 จากระดับ 5% ของ GDP ในปี 2573" รายงานของ CBO ระบุ ทั้งนี้ จากยอดขาดดุลงบประมาณที่มีการคาดการณ์ดังกล่าวนั้น จะส่งผลให้รัฐบาลกลางสหรัฐมีอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP พุ่งขึ้นแตะระดับ 195% ในปี 2593 จากระดับ 98% ในปี 2563
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ออกรายงานเตือนเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาว่า หนี้สินของรัฐบาลสหรัฐอยู่ในสถานะที่ไม่ยั่งยืน และจำเป็นที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อที่จะลดการขาดดุลด้านการคลัง และทำให้ตัวเลขหนี้สินปรับตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะกลางนี้
ศาสตราจารย์ กากันดีป คัง ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยาแห่งวิทยาลัยการแพทย์ Christian Medical College ของอินเดีย และหนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยวัคซีนของ WHO เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า อินเดียอาจได้ใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ภายในต้นปี 2564 ศาสตราจารย์กากันดีปกล่าวว่า ภายในสิ้นปีนี้ เราจะมีข้อมูลที่บอกได้ว่า วัคซีนใดจะใช้ได้ผลและไม่ได้ผลบ้าง หากผลการทดสอบวัคซีนเป็นที่น่าพอใจภายในช่วงปลายปีนี้ เราก็จะพิจารณาเลือกวัคซีนจำนวนหนึ่งที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะนำมาใช้ได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 และคาดว่าจะมีวัคซีนใช้ได้มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ดี การนำวัคซีนออกมาใช้ได้อย่างปลอดภัยกับประชาชนกว่า 1.3 พันล้านคนนั้น ถือเป็นความท้าทายใหญ่ในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ซึ่งศาสตราจารย์กากันดีปกล่าวว่า วัคซีนชนิดใดก็ตามที่อยู่ในช่วงการทดลองระยะที่ 3 ไม่ว่าจะวิจัยในประเทศหรือทดสอบโดยบริษัทยาฝั่งตะวันตก ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จเพียง 50%
นายจิม โอนีล อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างแข็งแกร่ง เมื่อประเมินจากข้อมูลยอดค้าปลีกจีนที่ดีดตัวขึ้น 0.5% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกของปีนี้ด้วย
นอกจากนี้ นายโอนีลยังมองว่า เศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวจนเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลกด้วย ก่อนหน้านี้ ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) เปิดเผยรายงานระบุว่า จีนเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวสวนทางภูมิภาค โดยคาดว่า GDP จีนจะขยายตัว 1.8% ในปีนี้ และ 7.7% ในปีหน้า โดยได้แรงหนุนจากการดำเนินมาตรการด้านสาธารณสุขที่ประสบความสำเร็จ
สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนนั้น ไตรมาส 2/2563 ขยายตัว 3.2% ซึ่งฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่หดตัวลง 6.8% ในไตรมาส 1 และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 2.5% ตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของจีนที่ออกมาดีเกินคาดนั้น ได้รับปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลจีนยุติการใช้มาตรการล็อกดาวน์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายของจีนได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อรับมือกับผลกระทบของวิกฤตโควิด-19
วันที่ | ประเทศ | เวลา | รายการ | มีผลต่อทอง | ประมาณการณ์ | ตัวเลขครั้งก่อน |
---|---|---|---|---|---|---|
21 ก.ย. 63 | USA | 19.30 | ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เฟด ชิคาโก | 1.88 | 1.18 | |
22 ก.ย. 63 | EUR | 21.00 | ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ยูโรโซน | -14.7 | -14.7 | |
USA | 21.00 | ยอดขายบ้านมือสอง | 5.965 M | 5.860 M | ||
USA | 21.00 | ดัชนีภาคการผลิต สาขาริชมอนด์ | 12 | 18 | ||
23 ก.ย. 63 | EUR | 13.00 | ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนี จากสถาบัน Gfk | -1.0 | -1.8 | |
EUR | 14.30 | ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต เยอรมันนี | 52.6 | 53.0 | ||
EUR | 14.30 | ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการบิการ เยอรมันนี | 53.0 | 50.8 | ||
EUR | 15.00 | ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ยูโรโซน | - | 51.7 | ||
EUR | 15.00 | ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการบิการ ยูโรโซน | - | 50.1 | ||
USA | 20.00 | ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย | 0.6% | 0.9 % | ||
USA | 20.45 | ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต | 53.2 | 53.6 | ||
USA | 20.45 | ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการบิการ | 54.7 | 54.8 | ||
24 ก.ย. 63 | EUR | 15.00 | ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเยอรมนี | 93.8 | 92.6 | |
USA | 19.30 | จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน | 880 K | 860 K | ||
USA | 22.00 | ดัชนีภาคการผลิตสาขาแคนซัส | 13 | 14 | ||
25 ก.ย. 63 | USA | 19.30 | คำสั่งซื้อสินค้าคงทน | 11.2 % | 1.5 % |
Copyright © 2018 www.gcap.co.th All rights reserved.