สนใจเทรดออนไลน์
สมัครเทรดออนไลน์
ทองคำยังไม่สามารถดีดตัวขึ้นได้มากนัก แรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ ดอลลาร์ที่แข็งค่าจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น การดีดตัวอาจทำได้จำกัดหลังจากดีดตัวไม่ผ่านแนวต้าน นักลงทุนสามารถเปิดเก็งกำไรทิศทางขาลงได้
Date | 24 Sep 2020 |
Commodity | Gold |
Buy/Sell | รอขาย |
Entry | จุดขาย 1,882 |
Target | 1,849 |
Stoploss | 1,900 |
Level | แนวรับ (Support) |
แนวต้าน (Resistance) |
L1 | 1,849 | 1,882 |
L2 | 1,845 | 1,886 |
L3 | 1,840 | 1,892 |
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเป็นวันที่ 2 ขณะที่นักลงทุนพากันซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากมาตรการล็อกดาวน์ในยุโรปเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยหนุนจากข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งความขัดแย้งระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่
มุมมองทองคำภาคบ่าย ราคาทองคำอ่อนตัวลงโดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ยังทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ ราคาทองยังดิ่งลงจากการที่นักลงทุนขายทำกำไร
นักลงทุนยังต้องติดตามตัวเลขที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ยอดขายบ้านใหม่ ดัชนีภาคการผลิตสาขาแคนซัส คำสั่งซื้อสินค้าคงทน เป็นต้น
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนในวันนี้ สวนทางตลาดหุ้นที่ร่วงลง โดยนักลงทุนพากันซื้อดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่มีความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการที่นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเขากล่าวว่า เฟดอาจเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก่อนที่เฟดจะบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 2%
สิงคโปร์ประกาศผ่อนปรนข้อจำกัดในการควบคุมโรคโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการอนุญาตให้ประชาชนจำนวนมากขึ้นกลับไปทำงานที่สำนักงานได้ หลังพบยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงในช่วงที่ผ่านมา นายกัน คิม ยอง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า รัฐบาลสิงคโปร์จะอนุญาตให้ประชาชนกลับเข้าไปทำงานที่สำนักงานได้ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.นี้ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการบริหารจัดการความปลอดภัย ขณะเดียวกันบรรดานายจ้างต้องดำเนินมาตรการต่างๆ เพิ่มเติม เช่น การกำหนดชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น นายกันระบุว่า นายจ้างต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพนักงานจะยังสามารถทำงานจากที่บ้านได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของเวลาการทำงาน และมีพนักงานเข้าทำงานภายในอาคารได้จำนวนไม่เกินครึ่งหนึ่งในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ นับตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.เป็นต้นไป รัฐบาลจะอนุญาตให้มีการจัดงานแต่งงาน โดยมีผู้เข้าร่วมงานได้ถึง 100 คนรวมคู่บ่าวสาว และครอบครัว ขณะเดียวกัน องค์กรศาสนาทั้งหมดจะได้รับอนุญาตให้มีผู้เข้าร่วมประกอบพิธีทางศาสนาได้ถึง 100 คน ภายใต้มาตรการจัดการความปลอดภัย และการเว้นระยะห่างทางสังคม ปัจจุบันสิงคโปร์อยู่ในช่วงผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เฟสสองซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. หลังจากยุติมาตรการล็อกดาวน์บางส่วนหรือ "Circuit Breaker" เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก่อนหน้านี้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐกล่าวว่า การที่สหรัฐมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากกว่า 200,000 รายนั้น ถือเป็นเรื่องน่าขายหน้า และระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่ "ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องน่าขายหน้า ถ้าเราไม่ดำเนินการอย่างเหมาะสม ผมคิดว่าอาจมีผู้เสียชีวิตถึง 2.5 ล้านราย หรืออาจจะมากกว่านี้" ปธน.ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก หรือเท่ากับหนึ่งในห้าของจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก โดยรายงานล่าสุดของ Worldometer ระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อจำนวน 7,098,291 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 205,491 ราย ขณะที่นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวกล่าวในที่ประชุมออนไลน์ซึ่งจัดโดยสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า "จำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 200,000 รายไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ"
อย่างไรก็ดี นายแพทย์ฟอซีไม่ขอแสดงความเห็นเกี่ยวกับวิธีการรับมือกับโรคระบาดของรัฐบาลสหรัฐ แต่กล่าวเพียงว่า ตัวเลขดังกล่าวให้คำตอบอยู่ในตัวแล้ว ในขณะที่สหรัฐกำลังอยู่ในช่วงเวลาของความโศกเศร้าจากการที่ประชาชนเสียชีวิตจำนวนมากนั้น นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐทวีตข้อความว่า นี่คือโศกนาฎกรรมในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศ ซึ่งเกิดจากการที่ทำเนียบขาวดูหมิ่นหลักวิทยาศาสตร์ การปกครอง และสุขภาพของประชาชนชาวอเมริกัน
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า ยอดนำเข้าและส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ก.ย. EIA เปิดเผยรายงาน "Weekly Petroleum Status Report" ระบุว่า ยอดนำเข้าน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ก.ย. เพิ่มขึ้น 160,000 บาร์เรลต่อวันจากสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่ยอดส่งออกน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 427,000 บาร์เรลต่อวันจากสัปดาห์ก่อนหน้า ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา การนำเข้าน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยของสหรัฐอยู่ที่ 5.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลง 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่การส่งออกน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลง 238,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบเป็นรายปี
วันที่ | ประเทศ | เวลา | รายการ | มีผลต่อทอง | ประมาณการณ์ | ตัวเลขครั้งก่อน |
---|---|---|---|---|---|---|
21 ก.ย. 63 | USA | 19.30 | ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เฟด ชิคาโก | 1.88 | 1.18 | |
22 ก.ย. 63 | EUR | 21.00 | ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ยูโรโซน | -14.7 | -14.7 | |
USA | 21.00 | ยอดขายบ้านมือสอง | 5.965 M | 5.860 M | ||
USA | 21.00 | ดัชนีภาคการผลิต สาขาริชมอนด์ | 12 | 18 | ||
23 ก.ย. 63 | EUR | 13.00 | ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนี จากสถาบัน Gfk | -1.0 | -1.8 | |
EUR | 14.30 | ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต เยอรมันนี | 52.6 | 53.0 | ||
EUR | 14.30 | ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการบิการ เยอรมันนี | 53.0 | 50.8 | ||
EUR | 15.00 | ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ยูโรโซน | - | 51.7 | ||
EUR | 15.00 | ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการบิการ ยูโรโซน | - | 50.1 | ||
USA | 20.00 | ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย | 0.6% | 0.9 % | ||
USA | 20.45 | ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต | 53.2 | 53.6 | ||
USA | 20.45 | ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการบิการ | 54.7 | 54.8 | ||
24 ก.ย. 63 | EUR | 15.00 | ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเยอรมนี | 93.8 | 92.6 | |
USA | 19.30 | จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน | 880 K | 860 K | ||
USA | 22.00 | ดัชนีภาคการผลิตสาขาแคนซัส | 13 | 14 | ||
25 ก.ย. 63 | USA | 19.30 | คำสั่งซื้อสินค้าคงทน | 11.2 % | 1.5 % |
Copyright © 2018 www.gcap.co.th All rights reserved.