ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน รายงานการประชุมประจำเดือนม.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อจับสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต  
     มุมมองทองคำภาคบ่าย   ทองคำดีดตัวขึ้นเล็กน้อยลักษณะรีบาวน์ระยะสั้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 26-27 ม.ค. โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เฟดควรจะดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปอีกระยะหนึ่ง แม้ตลาดแรงงานเริ่มฟื้นตัวแตยังคงอยู่ห่างไกลจากคำว่าแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับตลาดแรงงานของประเทศอื่นๆ และจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป
     และนอกจากนี้เฟดยังระบุด้วยว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงสร้างความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ รวมทั้งความยากลำบากในการผลิตและการแจกจ่ายวัคซีน  
     นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.พ.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค., ดัชนีการผลิตเดือนก.พ.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนม.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.พ.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.พ.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค. เป็นต้น
 

     ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน รายงานการประชุมประจำเดือนม.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อจับสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต  

"แอนโทนี บลิงเคน" เผยสหรัฐจะจ่าย 200 ล้านดอลลาร์ในเดือน ก.พ. ตอกย้ำให้การสนับสนุนพันธกิจ WHO หลังอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เบี้ยวค่าสมาชิกองค์การอนามัยโลก  นายแอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะทำการจ่ายเงินทุนสนับสนุนให้กับองค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นจำนวนกว่า 200 ล้านดอลลาร์ตามที่ได้ติดค้างไว้ภายในเดือนนี้ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความตั้งใจของรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐในการส่งเสริมด้านสาธารณสุขโลก  “การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นส่วนสำคัญเพื่อทำตามข้อผูกมัดด้านการเงินของสหรัฐในฐานะสมาชิกของ WHO และยังสะท้อนถึงความตั้งใจครั้งใหม่ของสหรัฐในการสนับสนุนให้ WHO มีทรัพยากรที่จำเป็นต่อการรับมือวิกฤติโรคระบาดนี้ในหลายพื้นที่ทั่วโลก และในขณะเดียวกัน เราก็จะพยายามปฎิรูปองค์กรนี้เพื่อการทำงานในอนาคตต่อไป” นายบลินเคนกล่าวเมื่อวานนี้ในที่ประชุมทางวิดีโอออนไลน์ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ  “สหรัฐจะร่วมมือกับชาติพันธมิตรทั่วโลกเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและช่องทางการกระจายวัคซีน และทำให้ประชาชนทุกคนซึ่งรวมถึงกลุ่มประชากรชายขอบด้วยนั้น สามารถที่จะเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น” นายบลินเคนกล่าว โดยการปราศรัยครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของเขานับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ  
     นอกจากนี้ นายบลินเคนยังได้เรียกร้องให้รัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศอื่นๆ ร่วมกันแก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาดในประเด็นที่เกี่ยวกับวัคซีน และแบ่งปันข้อมูลเรื่องต้นตอของเชื้อโควิด-19 ให้กับเจ้าหน้าที่สืบสวนขององค์การอนามัยโลก
 

จีนแซงหน้า‘สหรัฐ’หุ้นส่วนการค้าใหญ่สุดอียูในปี2563 นอกจากนี้ ข้อมูลของยูโรสแตทยังระบุเมื่อวันจันทร์(15 ก.พ.)ว่า อียูขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นจาก 199 พันล้านดอลลาร์ เป็น 219 พันล้านดอลลาร์  ในปี 2563 จีนแซงหน้าสหรัฐ ก้าวขึ้นมาเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่สุดของสหภาพยุโรป(อียู) แม้ว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลกยังคงรุนแรง โดยการค้าระหว่างจีนและอียูมีมูลค่า 709,000 ล้านดอลลาร์ (586,000 ล้านยูโร หรือ 511,000 ล้านปอนด์) เทียบกับการนำเข้าและส่งออกจากสหรัฐที่มีมูลค่า 671,000 ล้านดอลลาร์   แม้ว่าเศรษฐกิจจีนในช่วงไตรมาสแรกของปียังฟื้นตัวไม่เต็มที่เพราะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่เศรษฐกิจจีนก็ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในเวลาต่อมาเพราะอานิสงส์จากความต้องการสินค้าจากอียู   ปีที่แล้ว จีน เป็นเพียงประเทศเดียวที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ขยายตัวเพราะความต้องการรถยนต์และสินค้าหรูหราจากอียูเพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่นับความต้องการสินค้าประเภทอุปกรณ์การแพทย์และอิเล็กทรอนิกส์ที่จีนส่งออกไปยุโรปในปริมาณมากขึ้น  “ในปี 2563 จีนเป็นหุ้นส่วนหลักของอียู เพราะผลพวงการนำเข้าเพิ่มขึ้น 5.6% และการส่งออกเพิ่มขึ้น 2.2%” ยูโรสแตท หน่วยงานด้านสถิติของอียู ระบุ  ตัวเลขดังกล่าวของยูโรสแตท คล้ายกับข้อมูลอย่างเป็นทางการของจีนที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในเดือนม.ค.ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการค้าของจีนกับอียูขยายตัวประมาณ 5.3% เป็นมูลค่า 696.4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2563 นอกจากนี้ ข้อมูลของยูโรสแตทยังระบุเมื่อวันจันทร์(15 ก.พ.)ว่า อียูขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นจาก 199 พันล้านดอลลาร์ เป็น 219 พันล้านดอลลาร์