สนใจเทรดออนไลน์

สมัครเทรดออนไลน์

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 608.01 จุดเหตุวิตกแนวโน้มศก.สหรัฐ,Nasdaq ดิ่งกว่า 300 จุดจากแรงขายหุ้นเทคโนฯ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (24 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีรายงานว่ายอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐร่วงลงติดต่อกัน 4 เดือน รวมทั้งรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้า ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 300 จุด เนื่องจากแรงขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงบริษัทเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐ ที่เปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,583.42 จุด ร่วงลง 608.01 จุด หรือ -2.41% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,108.40 จุด ลดลง 329.14 จุด หรือ -4.43% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,656.10 จุด ลดลง 84.59 จุด หรือ -3.09%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานเมื่อคืนนี้ว่า ยอดขายบ้านใหม่ดิ่งลง 5.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 553,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2559 และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 4 เดือน โดยยอดขายบ้านใหม่ที่ร่วงลงในเดือนก.ย.ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งขึ้น

ขณะที่ราคาเฉลี่ยของบ้านใหม่ลดลงสู่ระดับ 320,000 ดอลลาร์ในเดือนก.ย. ส่วนสต็อกบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 2.8% สู่ระดับ 327,000 ยูนิตในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2552 ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากยอดขายบ้านและสต็อกบ้านในตลาด พบว่า ผู้ขายบ้านต้องใช้เวลา 7.1 เดือนในการขายบ้านจนหมดสต็อกในตลาด ซึ่งเป็นช่วงเวลายาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2554 จากระดับ 6.5 เดือนในเดือนส.ค.

ทางด้านเฟดได้เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ภาคธุรกิจในหลายเขตของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงภาคการผลิตและค้าปลีก ได้แสดงความกังวลว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้ต้นทุนปรับตัวสูงขึ้น

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ดัชนี Nasdaq ได้ปรับตัวลงสู่ช่วงของการพักฐาน (correction territory) เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกกระหน่ำขายอย่างหนัก โดยหุ้นแอปเปิล ดิ่งลง 3.4% หุ้นอเมซอนดอทคอม ร่วงลง 5.9% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลง 5.1% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 9.4% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 5.3% หุ้น Nvidia ร่วงลง 9.7% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ดิ่งลง 8.4% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ร่วงลง 2.9% หุ้นอินเทล ดิ่งลง 4.6% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 5.4%

หุ้นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ร่วงลง โดยหุ้นเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ดิ่งลง 8.2% ขณะที่หุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ร่วงลง 10.1% และหุ้นเอทีแอนด์ที ร่วงลง 8% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ร่วงลง 6.6% ซึ่งเป็นการดิ่งลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2557

ทั้งนี้ หุ้นเท็กซัส อินสตรูเมนท์ร่วงลง หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์กำไรในไตรมาส 4/2561 ที่ระดับ 1.14-1.34 ดอลลาร์/หุ้น และรายได้คาดว่าจะอยู่ที่ 3.6-3.9 พันล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจะอยู่ที่ 1.38 ดอลลาร์/หุ้น และรายได้จะอยู่ที่ 4 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ร่วงลงหลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ โดยระบุว่าความต้องการเซมิคอนดักเตอร์มีแนวโน้มชะลอตัวลง

หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส (UPS) ซึ่งเป็นบริษัทรับส่งพัสดุภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงลง 5.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.51 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.73 ดอลลาร์/หุ้น จากระดับ 1.26 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.44 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ส่วนรายได้เพิ่มขึ้น 8% สู่ระดับ 1.744 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

อย่างไรก็ตาม หุ้นโบอิ้ง ดีดตัวขึ้น 1.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.58 ดอลลาร์/หุ้น และรายได้อยู่ที่ระดับ 2.515 หมื่นล้านดอลลาร์ ทางด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า โบอิ้งจะมีกำไรที่ระดับ 3.47 ดอลลาร์/หุ้น และมีรายได้ 2.397 หมื่นล้านดอลลาร์

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ขอบคุณข้อมูลจากryt9


ข่าวเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง
เฟดแคนซัสซิตี้ชี้ไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยเพื่อป้องกันปัญหา
เฟดไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับจุดยืนนโยบายเพื่อป้องกันปัญหาล่วงหน้า และเชื่อว่าวิธีการที่ดีที่สุดก็คือการใช้ความอดทนรอจนกว่าจะมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือซึ่งแสดงให้เห็นว่าเฟดได้รับชัยชนะแล้วในการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ
อัพเดท: 27 ก.พ. 2567
Citi คาดทองพุ่งแตะ $3000 ภายในปี 2568
Citi คาดการณ์ว่าทองคำอาจพุ่งขึ้นแตะระดับ $3000 ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า โดยมีปัจจัยเร่งที่อาจเกิดขึ้นจาก 1ใน3 ข้อที่เป็นไปได้
อัพเดท: 20 ก.พ. 2567
ญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค ท่ามกลางค่าเงินและเศรษฐกิจที่เปราะบาง
เศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยในทางเทคนิคเป็นที่เรียบร้อย หลังรายงานตัวเลข GDP ที่หดตัวลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส จากแรงกดดันจากอุปสงค์ภายในประเทศที่อยู่ในภาวะอ่อนแอ
อัพเดท: 16 ก.พ. 2567
รองประธานเฟดชี้เส้นทางไปสู่เงินเฟ้อ 2% อาจไม่ราบรื่น
ไมเคิล บาร์ รองประธานฝ่ายกำกับดูแลของเฟดกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อที่ร้อนแรงเกินคาดแสดงให้เห็นว่า เส้นทางที่จะกลับไปสู่เงินเฟ้อที่ 2% ของสหรัฐฯนั้นอาจไม่ราบรื่น
อัพเดท: 15 ก.พ. 2567
  • gcap gold facebook
  • gcap gold youtube
  • gcap gold line
  • gcap gold line