ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามคาด นอกจากนี้ เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจ แม้ระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม
     มุมมองทองคำภาคเช้า   ทองคำตลาดนิวยอร์กขยับตัวขึ้น หลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้แถลงในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินโดยกล่าวว่า  เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญกับความท้าทายในขณะนี้  คณะกรรมการ FOMC ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% โดยคณะกรรมการคาดว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวไปจนกว่าภาวะตลาดแรงงานจะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศัยภาพตามที่เฟดประเมินไว้  ส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ร่วงลง
     อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ได้แก่  GDP  จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน  ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย  ต้นทุนค่าจ้างแรงงาน ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล  ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐาน  ดัชนีจัดซื้อจัดจ้างชิคาโก  ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน เป็นต้น     
 

     ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามคาด นอกจากนี้ เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจ แม้ระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม

       คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมวันนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
       นอกจากนี้ เฟดระบุว่าจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 8 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์  แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานได้แข็งแกร่งขึ้น โดยได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 และการสนับสนุนด้านนโยบาย  
       อย่างไรก็ดี เฟดเตือนว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงเผชิญความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเฟดจะใช้เครื่องมือทุกอย่างในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเพื่อให้มีการจ้างงานเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพของราคา
 

      ทำเนียบเครมลินออกแถลงการณ์ระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ในวันนี้ โดยได้เสนอให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉินต่ออินเดียที่กำลังประสบกับวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
      ปธน.ปูตินกล่าวว่า รัสเซียจะจัดส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์น้ำหนักมากกว่า 22 ตันแก่อินเดียในวันนี้ ซึ่งรวมถึงเครื่องผลิตออกซิเจน 20 เครื่อง, เครื่องช่วยหายใจ 75 เครื่อง และเวชภัณฑ์จำนวน 200,000 ชุด  กระทรวงสาธารณสุขอินเดียเปิดเผยในวันนี้ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 360,960 ราย ซึ่งเป็นยอดผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดในประเทศ ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมขณะนี้พุ่งขึ้นเป็น 17,997,267 ราย  ขณะเดียวกัน อินเดียพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 3,293 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตแตะระดับ 201,187 ราย
 

   ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะทำการแถลงต่อสภาคองเกรสในวันนี้ ก่อนที่จะครบรอบ 100 วันในการทำงานของเขาในวันพรุ่งนี้ (29 เม.ย.) หลังจากที่ได้สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา
      ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนจะทำการแถลงต่อสมาชิกวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ ซึ่งถือเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกของเขาต่อที่ประชุมของทั้งสองสภา โดยการแถลงจะมีขึ้นในคืนนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือพรุ่งนี้เช้าเวลา 08.00 น.ตามเวลาไทย และจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ให้แก่ชาวอเมริกันทั่วประเทศ สิ่งที่ปธน.ไบเดนแถลงในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับผลงานของรัฐบาลในช่วง 100 วันแรก ซึ่งได้แก่ ความคืบหน้าในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งขณะนี้รัฐบาลสหรัฐสามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชาชนในวงกว้าง รวมทั้งการที่ปธน.ไบเดนเปิดกว้างให้สหรัฐร่วมมือกับประเทศต่างๆมากขึ้นในการแก้ไขปัญหาโลกร้อน และปัญหาอื่นๆ ซึ่งแตกต่างจากนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์  
       นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนจะเรียกร้องขอความร่วมมือจากสภาคองเกรสในการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินรวม 4 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาชาวสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่เพิ่มการจ้างงานและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน  ขณะเดียวกัน ปธน.ไบเดนจะกล่าวถึงความรุนแรงที่เกิดจากการกระทำของตำรวจ โดยเขาให้คำมั่นว่ารัฐบาลจะออกกฎหมายปฏิรูปวงการตำรวจเพื่อลดความขัดแย้งในสังคม และเขาจะเน้นย้ำว่ารัฐบาลจะสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนในสหรัฐ เพื่อลดทอนอำนาจและอิทธิพลของจีน ซึ่งกำลังมีบทบาททางการเมืองและเศรษฐกิจมากขึ้นในเวทีโลก