สนใจเทรดออนไลน์
สมัครเทรดออนไลน์
ทองคำอ่อนตัวลงเมื่อช่วงเช้า หลังรายงานจากสภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยในวันนี้ว่า อุปสงค์ทองคำโลกไตรมาสแรกลดลง เนื่องจากกองทุน ETF ที่ลงทุนในทองคำได้เทขายทองเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว เบื้องต้นราคาทดสอบแนวต้านยังไม่ผ่าน แนะปิดสถานะทำกำไรออกมาก่อน
Date | 29 เมษายน 2021 |
Commodity | Gold |
Buy/Sell | รอขาย |
Entry | จุดขาย 1,789 |
Target | 1,770 |
Stoploss | 1,800 |
Level | แนวรับ (Support) |
แนวต้าน (Resistance) |
L1 | 1,770 | 1,789 |
L2 | 1,758 | 1,786 |
L3 | 1,765 | 1,794 |
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามคาด นอกจากนี้ เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจ แม้ระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม
มุมมองภาคบ่าย ราคาทองคำอ่อนแรงลงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังจากรายงานจากสภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยในวันนี้ว่า อุปสงค์ทองคำโลกในไตรมาส 1/2564 ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยได้รับแรงกดดันจากการลงทุนในทองที่ร่วงลงมากกว่า 70% เมื่อเทียบรายปี อุปสงค์ทองคำในภาคการลงทุน ร่วงลง 71% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาส 1 แตะที่ 161.5 เมตริกตัน เนื่องจากกองทุน ETF ที่ลงทุนในทองคำได้เทขายทองคำ 177.9 เมตริกตัน เทียบกับไตรมาส 1/2563 ซึ่งซื้อทองคำ 299.1 เมตริกตัน
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า แรงซื้อเก็งกำไรได้ช่วยหนุนการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำ เพิ่มขึ้น 36% จากปีก่อนหน้า แตะที่ 339.5 เมตริกตัน
อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ได้แก่ GDP จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย ต้นทุนค่าจ้างแรงงาน ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐาน ดัชนีจัดซื้อจัดจ้างชิคาโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน เป็นต้น
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามคาด นอกจากนี้ เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจ แม้ระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้แถลงต่อสภาคองเกรสของสหรัฐในวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า สหรัฐได้ผ่านพ้นจุดวิกฤตและเริ่มฟื้นตัวแล้วจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตจำนวนมากกว่า 5 แสนคน และยังสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างไรก็ดี ปธน.ไบเดนเตือนว่า เขาจะขอให้บริษัทเอกชนและชาวอเมริกันที่ร่ำรวยเข้ามาร่วมแบกภาระด้านการเงินของประเทศมากขึ้น
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนจะจัดเก็บภาษีเงินได้ส่วนบุคคลในอัตราสูงสุดที่ 39.6% สำหรับผู้ที่มีรายได้มากกว่า 400,000 ดอลลาร์ต่อปี, จัดเก็บภาษีกำไรจากการลงทุน (capital gains tax) สำหรับผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์ต่อปีขึ้นไป, ยุติการยกเว้นภาษีกำไรจากการรับมรดก รวมทั้งยุติการยกเว้นภาษีอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มผู้จัดการกองทุน "ทั้งหมดที่ผมเสนอนี้คือสิ่งที่ยุติธรรมแล้ว นี่เป็นความรับผิดชอบด้านการคลัง" ปธน.ไบเดนกล่าว พร้อมกับยืนยันว่าเงินทุนที่ระดมได้จากการปรับขึ้นภาษีจะช่วยสร้างงานหลายล้านตำแหน่ง และจะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนได้แถลงต่อสภาคองเกรสในวันพุธตามเวลาสหรัฐก่อนที่จะครบรอบ 100 วันในการทำงานของเขาในวันนี้ (29 เม.ย.) หลังจากที่ได้สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐได้แถลงต่อสภาคองเกรสถึงการฟื้นตัวของสหรัฐหลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมุ่งเน้นไปที่บทบาทของรัฐบาลกลาง
ปธน.ไบเดนยังได้แสดงทัศนะว่า การฟื้นฟูประเทศหลังจากที่ต้องเผชิญกับการล็อกดาวน์เป็นเวลาหนึ่งปี, การเสียชีวิตจากโรคระบาด และความเสียหายทางเศรษฐกิจนั้น เป็นโอกาสที่จะโน้มน้าวให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเห็นว่า สหรัฐมีความเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น และพร้อมสำหรับการลงทุนมูลค่ามหาศาลด้วยเงินจากผู้เสียภาษี ปธน.ไบเดนได้แถลงถึงแผน "American Families Plan" ซึ่งเป็นมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านเครดิตภาษีวงเงิน 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ และมาตรการเร่งด่วนอื่นๆ สำหรับประชาชนในสหรัฐทั้งการดูแลเด็ก, การให้สิทธิลางานเพื่อดูแลครอบครัวโดยยังได้รับค่าตอบแทน และการยกเว้นค่าเล่าเรียนสำหรับวิทยาลัยในชุมชน ซึ่งทั้งหมดนี้จะได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการขึ้นภาษีคนรวยในสหรัฐครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี ปธน.ไบเดนยังได้กล่าวถึงแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยสร้างงานให้กับชาวอเมริกันที่ไม่ได้จบการศึกษาระดับวิทยาลัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ข้อเสนอเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาทั้งสองแผนนั้นมีขึ้น หลังจากที่ปธน.ไบเดนได้เสนอแผน American Rescue Plan วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเขาเรียกว่าเป็นหนึ่งในมาตรการให้ความช่วยเหลือที่ต่อเนื่องกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ การแถลงของปธน.ไบเดนยังเป็นการฉลองโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ฉีดให้ประชาชนไปแล้วกว่า 315 ล้านโดส รวมถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มอบเช็คให้กับผู้เสียภาษีเป็นวงเงินกว่า 160 ล้านดอลลาร์ด้วย ปธน.ไบเดนยังระบุด้วยว่า "ความคืบหน้าของเราในช่วง 100 วันที่ผ่านมาในการต่อสู้กับโรคระบาดหนึ่งในครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ถือเป็นความสำเร็จในด้านโลจิสติกส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสหรัฐ"
วันที่ | ประเทศ | เวลา | รายการ | มีผลต่อทอง | ประมาณการณ์ | ตัวเลขครั้งก่อน |
---|---|---|---|---|---|---|
26 เม.ย 64 | EUR | 15.00 | ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เยอรมันนี | 97.7 | 96.6 | |
USA | 19.30 | คำสั่งซื้อสินค้าคงทน | 2.0 % | -1.1 % | ||
USA | 21.30 | ดัชนีภาคการผลิต เฟดสาขาฟิลาเดเฟีย | 27.5 | 28.9 | ||
27 เม.ย 64 | USA | 20.00 | ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในเขค 20 เมืองใหญ่ | 1.1 % | 1.2 % | |
USA | 20.00 | ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย | 0.9 % | 1.0 % | ||
USA | 21.00 | ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค | 112.0 | 109.7 | ||
USA | 21.00 | ดัชนีภาคการผลิตของสาขาริชมอนด์ | 20 | 17 | ||
28 เม.ย 64 | EUR | 14.30 | ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เยอรมนี | -3.8 | -6.2 | |
USA | 19.30 | สินค้าคงคลังภาคค้าส่ง | 0.6 % | 0.5 % | ||
29 เม.ย 64 | EUR | 14.55 | อัตราการว่างงาน เยอรมันนี | 6.0 % | 6.0 % | |
EUR | 16.00 | ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ยูโรโซน | 103.0 | 101.0 | ||
EUR | 17.00 | ดัชนีราคาผู้บริโภค เยอรมันนี | 0.5 % | 0.5 % | ||
USA | 19.30 | GDP | 6.5 % | 4.3 % | ||
USA | 19.30 | จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน | 558 K | 547 K | ||
USA | 21.00 | ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย | 3.8 % | -10.6 % | ||
30 เม.ย 64 | EUR | 15.00 | ประมาณการ GDP เยอรมันนี | -1.5 % | 0.1 % | |
EUR | 16.00 | ประมาณการ GDP ยูโรโซน | -0.9 % | -0.6 % | ||
EUR | 16.00 | ดัชนีราคาผู้บริโภค | 1.6 % | 1.3 % | ||
EUR | 16.00 | อัตราการว่างงาน ยูโรโซน | 8.3 % | 8.3 % | ||
USA | 19.30 | ต้นทุนค่าจ้างแรงงาน | 0.7 % | 0.7 % | ||
USA | 19.30 | รายได้ส่วนบุคคล | 20.3 % | -7.1 % | ||
USA | 19.30 | รายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล | 4.0 % | -1.0 % | ||
USA | 19.30 | ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล | 0.4 % | 0.2 % | ||
USA | 19.30 | ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐาน | 0.3 % | 0.1 % | ||
USA | 20.45 | ดัชนีจัดซื้อจัดจ้างชิคาโก | 64.0 | 66.3 | ||
USA | 21.00 | ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน | 87.1 | 86.5 |
Copyright © 2018 www.gcap.co.th All rights reserved.