สนใจเทรดออนไลน์
สมัครเทรดออนไลน์
ราคาทองคำอ่อนตัวลง โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ กดดันราคาทองคำ แนะตั้งรับเมื่อราคาย่อตัวลงมา
Date | 10 มกราคม 2021 |
Commodity | Gold |
Buy/Sell | รอซื้อ |
Entry | จุดซื้อ 1,786 |
Target | 1,809 |
Stoploss | 1,770 |
Level | แนวรับ (Support) |
แนวต้าน (Resistance) |
L1 | 1,786 | 1,809 |
L2 | 1,780 | 1,814 |
L3 | 1,775 | 1,819 |
ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (7 ม.ค.) หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เนื่องจากรายงานการจ้างงานดังกล่าวยังมีสิ่งบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น
มุมมองทองคำภาคบ่าย ราคาทองคำขยับเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในวงจำกัด หลังรายงานกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.99% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2020 และต่ํากว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4.1% ส่วนค่าจ้างรายชั่วโมงโดย เฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 4.7% เมื่อเทียบรายปี ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่าตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องและยาจใกล้ ระดับการจ้างงานเต็มประสิทธิภาพซึ่งเป็นเป้าหมายสําคัญของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดงบดุลในปีนี้ นั่นทําอัตราผลตอบแทนพันธบัตรขยับคัวขึ้น เป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ
นักลงทุนยังต้องคอยติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในรอบสัปดาห์ได้แก่ สินค้าคงคลังภาคค้าส่ง ดัชนีธุรกิจขนาดเล็ก ดัชนีราคาผู้บริโภค รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ดัชนีสินค้านำเข้า ดัชนีสินค้าส่งออก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน เป็นต้น
ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (7 ม.ค.) หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาด
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เนื่องจากรายงานการจ้างงานดังกล่าวยังมีสิ่งบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น โดยตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 4.7% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่อัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.1%
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยในวันนี้ว่า กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ต้องเตรียมตัวรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยเตือนว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วกว่าคาดของเฟดอาจสั่นคลอนตลาดเงินและจุดชนวนให้เกิดการไหลออกของเงินทุน และทำให้เกิดการอ่อนค่าของสกุลเงินต่างประเทศ ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัวแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงในช่วงต่อไปของปีนี้
อย่างไรก็ดี IMF มองว่า การคุมเข้มนโยบายการเงินแบบค่อยเป็นค่อยไปของเฟดมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อประเทศในกลุ่มตคลาดเกิดใหม่ เนื่องจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในตลาดต่างประเทศจะช่วยชดเชยผลกระทบของต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากการพุ่งขึ้นของค่าจ้างในสหรัฐ หรือปัญหาคอขวดด้านอุปทานที่ยืดเยื้อ อาจทำให้ราคาสินค้าพุ่งขึ้นมากกว่าที่คาด และกระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นด้วย
"กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ควรเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจ" IMF กล่าวโดยอ้างอิงถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด และการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 "การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นของเฟดอาจสั่นคลอนตลาดเงินและทำให้เกิดภาวะตึงตัวทางการเงินทั่วโลก สถานการณ์เหล่านี้อาจเกิดขึ้นพร้อมกับการชะลอตัวลงของอุปสงค์และการค้าของสหรัฐ และอาจนำไปสู่การไหลออกของเงินทุนและการอ่อนค่าของสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ " เจ้าหน้าที่อาวุโสของ IMF กล่าว สำหรับ IMF นั้นมีกำหนดเผยแพร่รายงานการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุดในวันที่ 25 ม.ค.นี้
โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ และจะเริ่มการปรับลดขนาดงบดุลบัญชีในช่วงเดือนก.ค.หรือเร็วกว่านั้น นายแจน ฮัตซีอุส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ให้ความเห็นว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐที่ตึงตัวอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยจากรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 14-15 ธ.ค. บ่งชี้ว่า เฟดอาจมีการปรับแนวทางดำเนินนโยบายเพื่อให้กลับสู่ภาวะปกติเร็วกว่ากำหนด
ก่อนหน้านี้ เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค. โดยระบุว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมาก ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับลดการถือครองสินทรัพย์ทั้งหมดด้วย โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ "กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นว่า เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มเศรษฐกิจ, ภาวะตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Federal Funds Rate) ในเวลาที่รวดเร็วขึ้น หรือรวดเร็วกว่าที่กรรมการเฟดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่กรรมการเฟดบางส่วนมองว่า เป็นเรื่องที่เหมาะสมที่จะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลบัญชี (Balance Sheet) ของเฟดในทันทีหลังจากที่มีการเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย" เฟดระบุในรายงานการประชุมประจำวันที่ 14-15 ธ.ค. 2564
อังกฤษออกโรงเตือนรัสเซียว่า ขณะนี้อังกฤษได้ประสานงานกับชาติพันธมิตรตะวันตกเพื่อออกมาตรการคว่ำบาตรที่พุ่งเป้าไปยังภาคการเงินของรัสเซีย หากยังดึงดันที่จะรุกรานยูเครน โดยย้ำว่ามาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้จะสร้างความเสียหายให้กับรัสเซียอย่างมหาศาล รัสเซียได้ตรึงกำลังทหารกว่า 100,000 แสนนายบริเวณชายแดนที่ติดกับยูเครน โดยถึงแม้รัสเซียจะอ้างว่าไม่มีแผนบุกรุกยูเครน แต่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาต้องการคำมั่นสัญญาที่ชัดเจนและมีข้อผูกพันทางกฎหมายว่า ยูเครนจะต้องไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต และกองกำลังทหารของชาติพันธมิตรนาโตจะต้องไม่เคลื่อนอาวุธเข้าประจำการในพื้นที่ชายแดนยูเครน แต่คณะบริหารของปธน.ไบเดนปฏิเสธข้อเรียกร้องนี้มาโดยตลอด
วันที่ | ประเทศ | เวลา | รายการ | มีผลต่อทอง | ประมาณการณ์ | ตัวเลขครั้งก่อน |
---|---|---|---|---|---|---|
10 ม.ค.65 | EUR | 17.00 | อัตราการว่างงาน ยูโรโซน | 7.2 % | -7.3 % | |
USA | 22.00 | สินค้าคงคลังภาคค้าส่ง | 1.2% | 2.3% | ||
11 ม.ค.65 | USA | 18.00 | ดัชนีธุรกิจขนาดเล็ก | 98.8 | 98.4 | |
12 ม.ค.65 | EUR | 17.00 | ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยูโรโซน | 0.5 % | 1.1% | |
USA | 20.30 | ดัชนีราคาผู้บริโภค | 0.4 % | 0.8 % | ||
USA | 20.30 | ดัชนีราคาผู้บริโภค (ไม่รวมอาหารและพลังงาน) | 0.5 % | 0.5 % | ||
13 ม.ค.65 | USA | 02.00 | รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ | - | - | |
USA | 20.30 | จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน | 205 K | 207 K | ||
USA | 20.30 | ดัชนีราคาผู้ผลิต | 0.4 % | 0.8 % | ||
USA | 20.30 | ดัชนีราคาผู้ผลิต (ไม่รวมอาหารและพลังงาน) | 0.5 % | 0.7 % | ||
14 ม.ค.65 | EUR | 17.00 | ดุลการค้า | - | €2.4 B | |
EUR | 17.00 | ดัชนีสินค้านำเข้า | - | 4.3 % | ||
EUR | 17.00 | ดัชนีสินค้าส่งออก | - | 2.4 % | ||
USA | 20.30 | ยอดค้าปลีก | 0.0 % | 0.3 % | ||
USA | 20.30 | ดัชนีสินค้านำเข้า | 0.3 % | 0.7 % | ||
USA | 20.30 | ดัชนีสินค้าส่งออก | 0.4 % | 1.0 % | ||
USA | 21.15 | ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม | 77.0% | 76.8 % | ||
USA | 22.00 | ดัชนีสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ | 1.1 % | 1.2 % | ||
USA | 22.00 | ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน | 70.4 | 70.6 |
Copyright © 2018 www.gcap.co.th All rights reserved.