เมื่อวันจันทร์ 21 ต.ค.62  สถานการณ์ “เบร็กซิต” หรือสหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป หรืออียู ยังไม่มีความชัดเจน แม้ว่านายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำอังกฤษ ยืนกรานเดินหน้าตามกำหนดการเบร็กซิต วันที่ 31 ต.ค.นี้ แม้จะมีข้อตกลงใดๆหรือไม่กับสหภาพยุโรปก็ตาม

ขณะที่นายกฯอังกฤษถูกบีบบังคับด้วยข้อกฎหมายต้องทำตามเงื่อนไขให้ส่งจดหมายถึงสหภาพยุโรป เพื่อขอเลื่อนกำหนดการเบร็กซิตออกไปจากวันที่ 31 ต.ค.นี้ เนื่องจากรัฐสภาเสียงส่วนใหญ่ต้องการให้มีข้อตกลงใดๆกับสหภาพยุโรปก่อนกำหนดการเบร็กซิต

ทั้งนี้ รัฐสภาอังกฤษต้องลงมติเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงเรื่องเบร็กซิตอีกครั้ง ขณะที่สหภาพยุโรปก็อยู่ระหว่างพิจารณาตอบสนองข้อเสนอขอเลื่อนกำหนดการเบร็กซิตออกไป อีกจากกำหนดวันที่ 31 ต.ค. โดยอาจเลื่อนออกไปอีกเป็นภายในเดือน ก.พ.ปีหน้า ถ้านายกรัฐมนตรีอังกฤษยังไม่สามารถจัดการปัญหาเรื่องมติในรัฐสภาได้อย่างลงตัว โดย นักการทูตสหภาพยุโรปกล่าวถึงสถานการณ์ต่อไปของอังกฤษ คืออาจต้องเลื่อนกำหนดการเบร็กซิท ออกไปเรื่อยๆจนถึงช่วงปลายเดือน พ.ย.ถึงช่วงกลางปีหน้าหรือนานกว่านั้น

ก่อนหน้านี้ การประชุมรัฐสภาเมื่อวันเสาร์ 19 ต.ค. ถือเป็นการประชุมรัฐสภาวันเสาร์ครั้งแรกในรอบ 37 ปีของอังกฤษ เพื่ออภิปรายและลงมติข้อตกลงถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปตามที่ผู้นำอังกฤษเจรจากับสหภาพยุโรป

โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษสนับสนุนคำแปรญัตติที่เสนอโดย ส.ส.อิสระต้องการ “ยับยั้งการรับรอง” ข้อตกลงเบร็กซิตของนายบอริส จอห์นสัน จนกว่าจะมีการผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนโดย ส.ส.ลงมติ 322 ต่อ 306 เสียง สนับสนุน

ผลกระทบจากภาวะ “เบร็กซิต” จะส่งผลถึงข้อตกลงทางการค้าและระบบศุลกากรของอังกฤษกับชาติสมาชิกสหภาพยุโรปในอนาคต ขณะที่ชาวอังกฤษอีกส่วนหนึ่งพยายามเคลื่อนไหวเรียกร้องขอจัดลงประชามติรอบใหม่ภายหลังจากการลงประชามติ “เบร็กซิต” หรือไม่เมื่อ 23 มิ.ย.ปี 2559 ชาวอังกฤษสนับสนุน “เบร็กซิต” 52 เปอร์เซ็นต์ คัดค้าน 48 เปอร์เซ็นต์

ขอบคุณเครดิตจาก : ไทยรัฐออนไลน์