ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เปิดเผยว่า สหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในวงเงินมากกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเกือบเท่ากับมูลค่าสินค้าที่สหรัฐนำเข้าจากจีนทั้งหมดในปีที่แล้ว ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสองประเทศ ขณะเดียวกันปธน.ทรัมป์ยืนยันว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 25% วงเงินรวม 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ในวันนี้ ตามกำหนดการที่ได้วางไว้ เพื่อตอบโต้จีนที่ขโมยเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ ปธน.ทรัมป์ได้เปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ร่วมเดินทางไปกับเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ซึ่งมุ่งหน้าไปยังรัฐมอนทานา เมื่อวานนี้ โดยทรัมป์กล่าวว่า นอกเหนือจากการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ตามกำหนดในวันนี้แล้ว ในช่วงเวลา 2 สัปดาห์นี้ สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าอีก 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมทั้งมีแผนเรียกเก็บภาษี 2 แสนล้านดอลลาร์ และอีก 3 แสนล้านดอลลาร์หลังจากนั้น ในช่วงกลางเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ประกาศรายการสินค้าจำนวน 1,100 รายการของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสินค้าล็อตแรกจำนวน 818 รายการ มูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ จะถูกเรียกเก็บภาษีตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ขณะที่สินค้าล็อตที่ 2 กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า คณะทำงานของปธน.ทรัมป์มีแผนที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้าจากจีนในส่วนที่ยังเหลืออยู่ หลังจากมีการดำเนินการในขั้นตอนที่จำเป็น ซึ่งรวมถึงการจัดทำประชามติเพื่อรับฟังความเห็นจากประชาชน ทั้งนี้ ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มเติม หากจีนยังคงตอบโต้สหรัฐ และไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของสหรัฐ "สำหรับจีนแล้ว เรามีมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ที่รออยู่" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเรียกร้องให้จีนแก้ไขปัญหาการเกินดุลการค้ากับสหรัฐที่มีมูลค่ามหาศาลและเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน โดยข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนเป็นวงเงินสูงถึง 3.7523 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าที่สหรัฐขาดดุลกับประเทศต่างๆทั่วโลก

ขอบคุณเครดิตข้อมูลจากryt9