สนใจเทรดออนไลน์

สมัครเทรดออนไลน์

ดอลล์อ่อน นลท.ขายสกุลเงินปลอดภัยหลังวัคซีนโควิดคืบหน้า

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนพากันเทขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังมีการเปิดเผยความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์

 

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.11% สู่ระดับ 92.3153 เมื่อคืนนี้

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.81 เยน จากระดับ 104.20 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9102 ฟรังก์ จากระดับ 0.9105 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3047 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3084 ดอลลาร์แคนาดา

 

ยูโรทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1864 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3280 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3258 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7320 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7304 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเนื่องจากคำสั่งขายสกุลเงินปลอดภัย หลังจากมีข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 โดยล่าสุดไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี แถลงเมื่อวานนี้ว่า ผลการวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นสุดท้ายบ่งชี้ว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งสองบริษัทพัฒนาร่วมกัน มีประสิทธิภาพ 95% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19

 

ก่อนหน้านี้ บริษัทโมเดอร์นา อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ แถลงว่า ผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเฟสที่ 3 พบว่า วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพ 94.5% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 โดยโมเดอร์นาได้พัฒนาวัคซีนดังกล่าวร่วมกับสถาบันวิจัยโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐ ซึ่งมีอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 30,000 ราย

 

นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มทรุดตัวลงมากถึง 20% ในปี 2564 หากวัคซีนต้านโรคโควิด-19 เริ่มมีการจัดจำหน่ายอย่างแพร่หลาย และช่วยฟื้นฟูการเติบโตของเศรษฐกิจและการค้าโลก โดยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และนักลงทุนมักจะเทขายดอลลลาร์ เมื่อมีสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 1.530 ล้านยูนิต จากระดับ 1.459 ล้านยูนิตในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.460 ล้านยูนิตในเดือนต.ค.

 

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนพ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค.จาก Conference Board

 

ขอบคุณข้อมูลจากryt9


ข่าวเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง
โพลล์คาดญี่ปุ่นจะแทรกแซงตลาดที่ 155 เยน และจะขึ้นดอกเบี้ยอีกในการประชุมเดือนนี้
ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 21ราย ในช่วงระหว่างวันที่ 10-17 เม.ย.ระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ 91% ของโพลล์คาดว่า ทางการญี่ปุ่นจะเข้ามาแทรกแซงตลาดในอนาคตเพื่อสกัดกั้นเยนไม่ให้ดิ่งลงต่อไป
อัพเดท: 22 เม.ย. 2567
เฟดยังกังวลเงินเฟ้อ อาจต้องตรึงดอกเบี้ยสูงต่อไปนานกว่าคาด
รายงานตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดที่เร่งตัวขึ้นแตะจุดสูงสุด 6 เดือนที่ระดับ 3.4% ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะเริ่มต้นวัฏจักรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.
อัพเดท: 11 เม.ย. 2567
จับตา CPI คืนนี้ ทองจะพุ่งต่อหรือย่อลงมาเอาแรงก่อน?
นักลงทุนรอรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯในคืนนี้ เนื่องจากเป็นตัวชี้วัดสำคัญต่อการใช้นโยบายการเงินของเฟด โดยเงินเฟ้อในรอบนี้จะเป็นตัวบ่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่เฟดจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน
อัพเดท: 10 เม.ย. 2567
Jamie Dimon เตือนดอกเบี้ยเฟดอาจแตะ 8% ในไม่กี่ปีข้างหน้า
เจมี ไดมอน ซีอีโอของ JPMorgan Chase เตือนว่าการใช้จ่ายของรัฐบาลที่มากเกินไปในสหรัฐฯ อาจยังคงกระตุ้นให้เกิดอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
อัพเดท: 9 เม.ย. 2567
  • gcap gold facebook
  • gcap gold youtube
  • gcap gold line
  • gcap gold line