1.  กล้องวงจรปิด ภายในร้าน และภายนอกร้าน หมั่นตรวจสอบคุณภาพของกล้องว่าใช้งานได้หรือไม่ บางครั้งฝุ่นจับที่เลนส์กล้อง นกเกาะมุมกล้องเปลี่ยน ต้องหมั่นตรวจสอบเสมอ

2.  ลูกกรงเหล็ก โดยควรล็อคกลอนประตูเสมอ ถึงแม้จะทำให้ความสวยงามลดลง แต่แลกมาด้วยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินก็น่าจะคุ้มค่า

3. กระจกนิรภัย

4.  ระบบล็อคประตู เพื่อเป็นการสกรีนคนร้าย โดยแน่นอนว่าคนร้ายมักแต่กายผิดสังเกต สวมหมวก ใส่แว่นตาดำ สวมหมวกกันน๊อค หรือแม้กระทั่งเรายังสามารถสังเกตจากภายนอกร้านได้ว่า พาหนะที่คนร้ายใช้ติดแผ่นป้ายทะเบียนหรือไม่ มีคนจอดรถรออยู่หรือไหม หากเป็นเช่นนั้น ให้สัญนิษฐานว่าอาจเป็นคนร้ายไว้ก่อน

5.  ปุ่มสัญญาณเตือนเหตุร้าย ติดไว้หน้าร้าน อย่างน้อยจะทำให้ผู้ที่สัญจรไปมาอยู่ในระแวงนั้นหันมาดู และช่วยเป็นพยานหลักฐานได้อีกทางหนึ่ง โดยอาจมีติดไว้ในหลายจุดทั้งด้านหน้าร้านและหลังร้าน

6.  ป้ายคำเตือน ห้ามสวมหมวก, แว่น, หมวกกันน็อค อันที่จริงคงป้องกันโจรไม่ได้ แต่อย่างน้อยอาจจะเป็นการช่วยให้กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการปล้นร้านทองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

7.  การทำประกันภัยร้านทอง ข้อนี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่ช่วยทำให้สบายใจได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ควรมีทางออก หรือทางหนีหลังร้าน

8.   ควรหลีกเลี่ยงการปะทะกับคนร้าย โดยเฉพาะบางครั้งคนร้ายบุกเข้ามายิง อาจนำมาซื่งความอันตรายต่อเจ้าของร้านได้

9.  อย่าเรียงสินค้ามากจนเกินไป อาจเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจคนร้ายให้เลือกก่อเหตุในร้านที่มีสินค้าวางเรียงรายมากๆ เพื่อที่คนร้ายจะได้ใช้เวลาน้อยในการปฏิบัติการ

10.  ควรปฏิบัติตามมาตรการของเจ้าหน้ที่ตำรวจในท้องที่ เช่น การกำหนดเวลาเปิด-ปิด ร้าน หรืออื่นๆ

11.  ร้านที่เสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์มักจะเป็นร้านที่มีแต่ผู้หญิง คนร้ายจะไม่เลือกร้านที่มีแต่ผู้ชาย ดังนั้นควรหาวิธีแก้ไข

12.  ร้านทองควรมีการจำลองเหตุการ์ปล้นร้านทองโดยมีเจ้าของร้านและพนักงานเข้าร่วมการฝึกซ้อม เพื่อให้เจ้าของร้านและพนักงานมีสติเมื่อเกิดเหตุการณ์ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้พนักงานมีปฏิภาณไหวพริบมากขึ้น และเป็นการวางแผนเพื่อลดการสูญเสียให้มากที่สุด

13.  ควรมีเบอร์ติดต่อตำรวจในพื้นที่ หรือเบอร์ติดต่อผู้กำกับสถานีนั้นๆ เพื่อแจ้งเหตุให้ได้ทันท่วงที

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.goldtraders.or.th/ArticleView.aspx?gp=2&id=687