ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลักในวันนี้ หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่สดใส ซึ่งช่วยคลายความวิตกเกี่ยวการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ    นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)   
      มุมมองทองคำภาคเช้า  ราคาทองคำปรับตัวลดลงเมื่อคืนวานนี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้เปิดเผยข้อมูลข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ปรับตัวขึ้น 0.7% เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.8% และเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 15.1% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายในช่วงก่อนเปิดเทอมการศึกษาในสหรัฐ   
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นสู่ระดับ 30.7 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 18.7 จากระดับ 19.4 ในเดือนส.ค. โดยการพุ่งขึ้นของดัชนีได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า  นอกจากนี้นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 ก.ย.นี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด  สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะประกาศในคืนนี้ได้แก่  ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน 
 

     ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลักในวันนี้ หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่สดใส ซึ่งช่วยคลายความวิตกเกี่ยวการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ    นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)   กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 0.8% 
      นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 ก.ย. เพื่อหาสัญญาณการปรับลดวงเงิน QE และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด  
 

      กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.   เมื่อเทียบรายปี สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจพุ่งขึ้น 7.2% ในเดือนก.ค.  สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. ส่วนสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.6%  ยอดขายในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 1.6% ในเดือนมิ.ย.   นอกจากนี้ เจ้าของธุรกิจจะใช้เวลา 1.25 เดือนในการขายสินค้าจนหมดสต็อก ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนมิ.ย.  
      ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ เป็นสิ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ขณะที่การลดลงของสต็อกสินค้าคงคลัง บ่งชี้ถึงความไม่เชื่อมั่นของภาคธุรกิจต่อยอดขายในอนาคต  
 

     ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นสู่ระดับ 30.7 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 18.7 จากระดับ 19.4 ในเดือนส.ค.  การพุ่งขึ้นของดัชนีได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า  ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกยังคงมีการขยายตัว  การพุ่งขึ้นของดัชนีภาคการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียในวันนี้ สอดคล้องกับดัชนีภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของเฟดสาขานิวยอร์ก   ทั้งนี้ เฟดสาขานิวยอร์ก เปิดเผยวานนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) พุ่งขึ้นสู่ระดับ 34.3 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 18.0 จากระดับ 18.3 ในเดือนส.ค.  ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน รวมทั้งความเชื่อมั่นของบริษัทในภาคการผลิต

      กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 0.8%  เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 15.1% ในเดือนส.ค.  นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับทบทวนยอดค้าปลีกในเดือนก.ค.เป็นลดลง 1.8% จากเดิมรายงานว่าลดลง 1.1%   ยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นในเดือนส.ค. ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายในช่วงก่อนเปิดเทอมการศึกษาในสหรัฐ   ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร พุ่งขึ้น 2.5% ในเดือนส.ค. หลังจากร่วงลง 1.9% ในเดือนก.ค.